เคส (Case)

เคส คืออะไร
          เคส เคสก็เปรียบได้กับตัวถังรถยนต์ที่ทำหน้าที่หุ้มห่อชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ มีลักษณะ เป็นกล่องโลหะสี่เหลี่ยมทำหน้าที่หุ้มห่อชิ้นส่วนต่างๆ ของ คอมพิวเตอร์ เคสมีหลายแบบ เช่น แบบนอนหรือ Desktop เคสแบบตั้งหรือ Tower ซึ่งเคสแบบนี้ยังแยกย่อยไปอีก เช่น แบบ Mini Tower (แบบมินิ) Medium Tower (แบบมิเดี้ยม) หากจะเลือกซื้อแนะนำให้เลือกแบบ Tower ขนาด อย่างน้อย ต้อง Medium ซึ่งเป็นเคสขนาดกลางๆ รองรับการต่อเติมอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างเพียงพอ อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ถูกติดตั้งใกล้ชิดกันมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อน เพราะการระบายอากาศไม่ดี
          เคสแต่ละแบบจะมีพาวเวอร์ซัพพลายในตัวซึ่งมีกำลังไฟแตกต่างกัน เช่น 200 W, 230 W หรือ 250 W หากเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ใช้มีอุปกรณ์ไม่มาก เช่น ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ อย่างละตัว การ์ดจอ การ์ดเสียง ก็เลือกพาวเวอร์ซัพพลาย 230 W เป็นอย่างน้อย กำลังไฟฟ้าไม่พอ จะมีผลทำให้ฮาร์ดดิสก์เสีย ได้เหมือนกัน แต่การเลือกใช้พาวเวอร์ซัพพลายที่มีวัตต์สูงๆ ก็กินไฟมากกว่า จึงต้องพิจารณาให้ดีก่อนเลือกซื้อ
เคสบางแบบก็ถูกออกแบบมาเพื่อซีพียูบางรุ่นโดยเฉพาะ เช่นซีพียูเพนเทียมโฟร์ ไม่เช่นนั้น จะจ่ายไฟไม่พอ อาจทำให้ซีพียูเสียหายได้
          ในปัจจุบันได้มีการออกแบบเคสแบบใหม่เรียกว่า ATX เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องบางอย่างของเคส และเมนบอร์ดแบบเก่าหรือแบบ AT ปัจจุบันก็มีผู้นิยมใช้เคสแบบนี้กัน มาก เริ่มมีการนำมาใช้กับ คอมพิวเตอร์เพนเทียมรุ่นหลังๆ ประมาณเพนเทียม 166 ขึ้นไป จนมาถึงปัจจุบัน ในขณะที่แบบ AT มีใช้กันมาตั้งนานนม ปัจจุบันก็ยังใช้ กันอยู่ ราคาถูกกว่าเคสแบบ ATX โดยสรุปก็คือ เราอาจแบ่ง ประเภทของเคสได้เป็น 2 แบบ ATX และ AT ข้อแตกต่างของเคสที่สังเกตง่ายก็คือ ด้านหลังเคส และสาย ต่อไฟเข้า เมนบอร์ดไม่เหมือนกัน เคสแบบ ATX ที่ด้านหลังพอร์ตต่างๆ เช่น พอร์ตเครื่องพิมพ์ เมาส์ Com1 หรือ Com2 จะอยู่ตำแหน่งติดๆ กัน พอร์ตต่างๆ จะอยู่ ในแนวตั้งและมีตำแหน่งเฉพาะ ไม่สามารถถอดเปลี่ยนตำแหน่งได้ แต่เคสแบบ AT ตำแหน่งของพอร์ดเหล่านี้จะอยู่ในแนวนอนและ ขึ้นอยู่กับผู้ติดตั้งว่าจะติดตั้ง ตำแหน่งใด
ส่วนประกอบของเคส 
สำหรับเคสโดยปกติที่ซื้อมาใหม่หรือไม่ถูกถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนใดๆ ก็จะมีส่วนประกอบต่างๆ ดังนี้ 
1. พาวเวอร์ซัพพลายหรือตัวจ่ายไฟ จะถูกติดตั้งมาพร้อมกับเคส
2. สายสัญญาณ Reset, Hdd Led, Power Switch, Power Led และ Speaker 
3. น็อตและหมุดพลาสติกสำหรับยึดเมนบอร์ดเข้ากับเคส
4. สายไฟพาวเวอร์ สำหรับต่อไฟเข้าเมนบอร์ดต่อไฟฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดรว์ ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ เป็นต้น
รูปแบบของ Case
1.Case แนวนอน
2.Case แนวตั้ง
          รูปร่างของ เคส(Case) จะแตกต่างกันไปตามแต่การออกแบบของผู้ผลิต ส่วนวัสดุที่ใช้ทำเคสนั้น มีทั้งโลหะ พลาสติก อะลูมิเนียม อะคลีลิก และก็วัสดุผสม

การเลือกซื้อ Case
         1. เลือกรูปแบบตามความต้องการของผู้ใช้ว่ากันว่า ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน ดังนั้น การเลือก Case ก็เช่นเดียวกัน ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้มีผู้ผลิตเคส หลายเจ้าได้ ดีไซน์เคสออกมาในรูปแบบต่าง ๆ สวยงาม น่าสนใจ ดังนั้น ก็เป็นกำไรของผู้บริโภค เช่นเดียวกัน แต่ต้องไม่ลืมว่าใน Case ต้องรองรับ เมนบอร์ด แบบ  ATX, ATX Full size หรือ mATX  ซึ่งเราก็สามารถสอบถามผู้ขายว่า รองรับ ATX ซึ่งก็แน่นอนว่าปัจจุบัน เป็นที่นิยมกัน แต่ก็ต้องดูงบประมาณด้วยนะครับ รวมทั้งดูข้ออื่น ๆ ด้านล่างประกอบด้วย

         2. มีความสามารถใช้งานได้ตามความต้องการของคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญ ๆ ของคอมพิวเตอร์ เช่น รองรับเมนบอร์ด, Power Supply, HardDisk รวมทั้งต้องเผื่อไว้ เวลาอัพเกรด ฮาร์ดแวร์ เช่น เพิ่ม Harddisk ต้องมีช่องที่สามารถเพิ่มได้  หรือ แม้กระทั่ง ความสะดวกสบายในการใช้งาน USB ในช่องด้านหน้า ที่สำคัญอีกอย่าง คือ การวางของ Power Subbply และ พัดลมระบายความร้อน ที่ติดมากับเคส ก็ ดูภาพรวมไม่เกะกะ ยุ่งเหยิง จนเกินไป 
         3. ระบายความร้อนได้ดีต้องเลือก Case ที่มีพัดลมระบายความร้อนด้านข้างหรือด้านบนก็จะเป็นการดี แต่อย่างไรก็ตามให้ติดตั้งเพียงพอเหมาะในการใช้งานเท่านั้น หากใส่พัดลมมากเกินไปก็อาจส่งผลให้เพาเวอร์ซัพพลายจ่ายไฟไม่เพียงพอ เกิดเสียงดังรบกวนจนน่ารำคาญ อีกทั้งทำให้ฝุ่นเข้าไปเกาะตามอุปกรณ์ต่างๆ มากไปอีกด้วย
         4. มีความปลอดภัยในการติดตั้งเคสที่ดีต้องมีการเก็บรายละเอียดงานได้พอสมควร ไม่มีเหลี่ยมคมให้บาดมือได้ นอกจากนี้เคสบางรุ่นยังบุแถบยางในจุดที่ต้องสอดมือเข้าไปติดตั้งอย่างเช่น เพาเวอร์ซัพพลายหรือฮาร์ดดิสก์ ซึ่งช่วยป้องกันการถูกบาดหรือขูดกับผิวหนังได้ดีทีเดียว ไฟไม่รั่ว มีสายดินลง Case เพื่อไม่ให้ไฟ ดูด หลายท่านอาจเคยโดนไฟดูดที่ Case ดังนั้น เคสที่ดีต้องมีความปลอดภัยส่วนนี้ด้วย
         5. ความสะดวกในการติดตั้งและจัดวางอุปกรณ์Case ที่ดี ต้องมีความสะดวกในการติดตั้งอุปกรณ์ เพราะบางครั้งจะต้องมีการถอดเข้าถอดออก บางคนไม่ค่อยมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์แต่ต้องการติดตั้ง Harddisk เองก็สามารถเปิด อินเตอร์เน็ตแล้วทำตามได้ง่าย ๆ โดยถ้าหากบางคนเลือกซื้อ Case ที่ประกอบอุปกรณ์ยาก แล้วบางที เครื่องเสีย ต้องถอดน๊อตเยอะแยะวุ่นวายไปหมด ลักษณะที่ดึคือ สามารถ เปิดฝาด้านเดียว แล้วสามารถมองและตรวจสอบอุปกรณ์ ทุกตัว เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการ ถอดประกอบแต่ในส่วนของสายไฟ ต้องเป็นเทคนิคส่วนบุคคลที่จะเก็บได้สวยงามและ ละเอียดแค่ไหน ซึ่งทุกวันนี้ เคสบางตัว ในการเพิ่ม Harddisk สามารถเปิดCaseด้านเดียวแล้วใส่ Harddisk เข้าไปในช่อง น๊อตยึดก็จะมีแค่ตัวเดียว อีกด้านหนึ่ง ก็จะล็อกอัตโนมัติ ถือว่าสะดวกสบายมากมายเลยครับ
          6. ราคามาถึงเรื่องสำคัญแล้วครับ ราคา ที่ผ่านมาทั้งหมด ถ้าตรง สเปก แต่ราคาสูงเกินไปก็เปลืองครับ ลองมองหาเคสอื่นได้เลย แต่ถ้าถูกเกินไป ก็เสียงต่อ ความเสียหายของอุปกรณ์ ได้ ก็เอาเป็นว่า ราคา ที่พอรับได้กลาง ๆ แล้วกันนะครับ สำหรับผมอยู่ระหว่าง 1200 - 2500 ก็เพียงพอแล้ว เพราะ ไม่ว่าจะเป็นการระบายความร้อน ความทน ความเป็นระเบียบ ใจจริงก็อยากแนะนำ ยี่ห้อให้ด้วย แต่ว่าเดียวจะหาว่าโฆษณาให้เขา ดังนั้น ก็เลือกตาม หัวข้อทั้ง 6 ข้อ 
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น